ดูดจุกนมหลอกหรือดูดนิ้วให้ลูกดูดอะไรดีกว่ากัน

เชื่อไหมคะ ? ลูกดูดนิ้วมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของคุณแม่แล้ว ดังนั้น พฤติกรรมการดูดนิ้วของลูก ไม่ใช่เกิดจากลูกหิวนะคะ และไม่ใช่สิ่งที่จะบอกถึงอาการหรือความต้องการของเด็ก แต่การดูดนิ้ว คือ

  1. การกระตุ้นประสาทการรับรส การกระตุ้นการทำงานของช่องปาก ต่อมน้ำลายต่างๆ
  2. นอกจากนี้ การดูดนิ้วของทารกน้อย บางครั้งก็เป็นการแสดงออกถึงความกังวลหรือรู้สึกไม่ปลอดภัยเช่นกันค่ะ เช่น เมื่อเจ้าหนูมองไม่เห็นคุณแม่ และกำลังรู้สึกกังวลหรือไม่ปลอดภัย ลูกอาจจะใช้วิธีดูดนิ้ว เพราะเด็กเคยชินกับการดูดนิ้วตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เพราะตอนอยู่ในท้องคุณแม่เด็กจะรู้สึกปลอดภัยและได้ใกล้ชิดกับคุณแม่
  3. ลูกมักจะเลิกดูดนิ้วไปเองเมื่อเขาเจอวิธีอื่น ๆ ที่ช่วยให้ตัวเองสงบและสบายใจได้ โดยปกติแล้วมักจะเลิกภายในช่วง 4-5 ขวบค่ะ ถึงแม้ว่าเด็กหลายคนอาจจะยังดูดนิ้วบ้างในตอนกลางคืน หรือในเวลาที่เขารู้สึกเครียด

ดูดจุกนมหลอกดีอย่างไร

ดูดจุกนมหลอกดีอย่างไร - newborngift

  • ลดอาการร้องไห้เมื่อเจ้าหนูกินนมแล้ว แต่ยังร้องไม่เลิก
  • ช่วยลด การเล่นน้ำลาย ดูดนิ้ว ดูดปาก
  • การให้เด็กดูดจุกนมหลอก สามารถป้องกันการเกิดภาวะเสียชีวิตเฉียบพลันไม่ทราบสาเหตุ หรือที่เราเรียกว่า SIDS (sudden infant death syndrome) ได้แนะนำให้รอจนลูกอายุอย่างน้อย 1 เดือนจึงค่อยเริ่มให้ใช้จุกหลอก เพื่อให้ทารกได้คุ้นเคยกับการดูดนมแม่ก่อน เพราะการใช้จุกหลอกอาจมีผลกระทบกับการให้นมของคุณแม่ได้
  • จุ๊บสามารถเบี่ยงเบนความสนใจได้ชั่วคราว เมื่อเด็ก ๆ หิว จุ๊บสามารถถ่วงเวลาให้คุณพ่อคุณแม่ตั้งท่าให้นม หรือ เตรียมชงนม จุ๊บยังเหมาะกับสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน เช่น ฉีดยา ตรวจเลือด หรือ การตรวจอื่น ๆ
  • จุกหลอกยังอาจถูกใช้เป็นตัวแทนของคุณแม่หรือผู้เลี้ยงดูใกล้ชิดเพื่อลดอาการกังวลจากการแยกจาก เช่นเดียวกับ ผ้าห่ม ตุ๊กตา รวมทั้งเด็กบางคนอาจดูดจุกนมหลอกเพื่อกล่อมให้ตัวเองนอนหลับได้

ข้อเสียของดูดจุกนมหลอก

ดูดจุกนมหลอก ข้อเสีย - newborngift

  1. ลูกติดจุกนมหลอกจนไม่ดูดนมแม่ อาจส่งผลให้ปริมาณของน้ำนมแม่ลดลง เนื่องจากขาดการดูดกระตุ้น
  2. จุกนมหลอกลูกมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อโรคได้มากกว่า หากทำความสะอาดไม่ดีพอเช่น โรคติดเชื้อในหูชั้นกลาง
  3. การติดจุกหลอกก็อาจทำให้เกิดผลเสียต่อโครงสร้างของเหงือกและฟันจนผิดรูปร่างไปอย่างถาวรซึ่งส่งผลต่อการสบฟันของเด็ก เมื่อมีปัญหาด้านการสบฟันก็จะทำให้มีผลต่อการบดเคี้ยวอาหาร

ทำอย่างไรให้ลูกเลิกดูดนิ้ว และ ดูดจุกนมหลอก

ดูดจุกนมหลอก ทำอย่างไรให้เลิกดูดจุกนมหลอก - newborngift

เมื่อติดได้ก็เลิกได้ “ดูดนิ้ว”

  1. ฝึกให้ลูกใช้มือในการทำอย่างอื่น หาของเล่นที่ต้องมีการฝึกทักษะมือให้ลูกเล่น เช่น ลูกบอล พอใช้มือมาก ๆ สุดท้ายลูกก็จะลืมเรื่องเอานิ้วเข้าปากไปเอง วิธีการนี้เป็นการช่วยเบี่ยงเบนพฤติกรรมลูกได้ ไม่นานพฤติกรรมนี้ก็จะหายไปได้ในที่สุด
  2. หากเห็นลูกดูดนิ้ว คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรดุว่า หรือดึงมือออกจากปากทันที ควรปล่อยให้ดูดอีกสัก ค่อยเข้าไปพูดเล่นดี ๆ ด้วยและเบนประเด็นให้สนใจทำอย่างอื่นแทนการดูดนิ้ว

เมื่อติดได้ก็เลิกได้ ดูดจุกนมหลอก

  1. เด็กเล็กอายุน้อยกว่า 8 เดือน สามารถเบี่ยงเบนความสนใจเด็กจากดูดจุกนมหลอกได้หลายรูปแบบ เช่น การเล่นเปลโยก ร้องเพลง หรือการเปิดเพลงสบายๆ
  2. เด็กอายุประมาณ 7 – 18 เดือน สามารถให้เด็กทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่น เล่นของเล่น หรือให้เด็กมีของเล่นติดมือเป็นของเล่นอื่น ๆ ตุ๊กตา ลูกบอล เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของลูกจากจุกหลอก
  3. ลูกอายุ 1 ขวบขึ้นไปคุณแม่ควร จำกัดการใช้ดูดจุกนมหลอกเฉพาะช่วงที่จำเป็นในแต่ละวัน เช่น เวลาเข้านอน หรือเวลาที่น้องไม่สบาย คุณต้องหนักแน่นหน่อยนะคะ รวมถึงให้รางวัลเจ้าตัวเล็กด้วยการเล่นกิจกรรมสนุกๆ หรือให้รางวัลโดยใช้แผ่นสะสมดาวหรือสติกเกอร์ อย่าให้ลูกกินขนมแทนการใช้จุกหลอกนะคะ

คำแนะนำในการใช้จุกนมหลอก

ดูดจุกนมหลอก คำแนะนำ - newborngift

  1. ควรฆ่าเชื้อด้วยการต้มในน้ำเดือดประมาณ 5 นาที
  2. ควรมีจุกหลอกสำรองในกรณีที่อาจทำหายหรือหล่นพื้น
  3. ระหว่างเดินทาง ควรทำความสะอาดจุกด้วยการล้างน้ำอุ่น และน้ำสบู่
  4. ไม่ควรบังคับลูกให้ใช้จุกหลอก หากลูกไม่อยากใช้ ควรหาวิธีอื่นที่ทำให้ลูกหยุดร้องแทน
  5. เลือกจุกนมหลอกให้เหมาะกับอายุของลูก และเลือกที่หัวนุ่มๆ จะเหมาะที่สุด
  6. ไม่ควรผูกจุกไว้กับสายคล้องคอที่ยาวเกิน 6 นิ้ว เพราะอาจติดคอเด็กได้

สำหรับในต่างประเทศนั้นมีการศึกษาและได้ข้อสรุปว่า การใช้จุกนมหลอกนั้นมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย เพียงแต่คุณแม่ควรที่จะต้องใช้อย่างถูกวิธี และไม่ใช้มากหรือบ่อยเกินไปค่ะ